LANDING PAGE คืออะไร มีจุดประสงค์อย่างไรในการทำ DIGITAL MARKETING

Landing Page คืออะไร ต้องอธิบายก่อนว่า Landing Page คือหน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการให้คนคลิก แล้วไปยังหน้านั้น ๆ เปรียบเทียบได้กับการลงจอดของเครื่องบิน จึงเป็นที่มาของคำว่า Landing Page ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราสามารถนำหน้าเว็บไซต์ใดก็ได้มาเป็น Landing Page แต่สำหรับมือโปรแล้ว จะรู้ว่าบางหน้าก็ไม่ได้เหมาะสมกับการทำ Landing Page ทั้งหมด ลองมาดูกันว่า Landing Page ควรจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้น ว่าบางหน้าของเว็บไซต์ไม่ได้เหมาะสมของการทำ Landing Page ไปเสียทั้งหมด คำแนะนำแรกคือหน้า Landing Page ควรเป็นหน้าเฉพาะของสินค้าและบริการนั้นๆ เนื่องจากว่าทำให้ผู้ที่เข้ามาไม่สับสน จึงควรมีรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าและบริการนั้นให้ครบถ้วน เพราะจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน จะช่วยเพิ่มอัตรา Conversion Rate ให้ดีขึ้นอีกด้วย 

 

บางสินค้าและบริการ จะมีช่วงที่ต้องทำแคมเปญทางการตลาดใหม่ เช่นแจกส่วนลด เปิดตัวสาขาใหม่ เปิดตัวบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ ควรจัดสร้าง Landing Page ให้ตอบโจทย์กับแคมเปญทางตลาดนั้น ออกแบบใหม่ เพื่อให้เป็นพื้นที่รองรับ สำหรับการ Drive Traffic คุณสามารถใส่รายละเอียดเกี่ยวกับแคมเปญทั้งหมดในนั้นได้ทันที และยังสามารถทำ Traffic เหล่านั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่นการทำ Remarketing ย้อนกลับไปคนที่เข้าเว็บไซต์ ทำให้เพิ่มโอกาสสำเร็จของแคมเปญมากขึ้น

 

แต่ละหน้า Landing Page ควรมีจุดประสงค์หลักเพียงอย่างเดียว ไม่ควรรวมจุดประสงค์ทุกอย่างไว้ในหน้าเดียว เพราะคนที่เข้ามาจะสับสนว่าเข้ามาแล้วเราจะต้องไปไหนต่อ หรือต้องทำอะไร แต่ถ้าคุณมีจุดประสงค์หลักเพียงอย่างเดียว จะเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิด Conversion ได้ดีกว่าการจับใส่ทุกอย่างลงไปแน่นอน

 

ยกตัวอย่างคุณลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า“บัตรเครดิต”  ใน Google Search เมื่อพบกับโฆษณาในส่วนของ Paid Search ลองกดคลิกเข้าไปดู คุณจะพบว่าเกือบทุกหน้า Landing Page ที่คลิกไปจะมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการทำให้เกิดการสมัครบัตรเครดิตให้ได้ โดยเป็นการกรอกข้อมูลต่าง ๆ แล้วให้ทางบริษัทติดต่อกลับ จะไม่ค่อยมีการใส่สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทอื่น ๆ หรือรายละเอียดแบบดีเทลมากนัก เพราะนั่นจะทำให้คนที่คลิกเข้ามาสับสนได้

 

การออกแบบหน้า Landing Page จำเป็นมากที่จะต้องทำมาอย่างเรียบง่าย ดูไม่ซับซ้อน ปุ่มเมนูดูไม่เยอะ ไม่สับสน UI ต้องออกมาสวยงาม และอย่าลืมต้องรองรับ Mobile Device เพื่อที่จะนำทางให้เกิดตามจุดประสงค์ที่เราวางไว้ ถ้าทำเองได้แนะนำให้ทำเอง แต่ถ้าพอมีสตางค์ หรือต้องการลงทุนในระยะยาว การจ้างทำ Landing Page เป็นคำตอบที่ใช่

 

และอย่าลืมเรื่อง UX (User Experience) เนื่องจากตัวผู้เขียนทำงานในดิจิทัลเอเจนซี่ของญี่ปุ่นเจ้าหนึ่ง การออกแบบหน้า Landing Page ของคนไทยและคนญี่ปุ่น ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ของคนไทยจะตัวอักษรน้อย เน้น Bold คำหรือสิ่งที่ต้องการใหญ่ ๆ ใส่รายละเอียดบ้าง แต่ไม่ต้องมาก อยากอ่านเพิ่มเติมอาจคลิกให้ไปกดอีกหน้า แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วหน้า Landing Page จะกลายเป็นแหล่งข้อมูล Information ที่ครบมาก รายละเอียดเยอะกว่ามาก จึงเป็นเหตุผลที่ควรจะดูด้วยว่า Landing Page นั้น กลุ่มเป้าหมายคือใคร และควรทำออกมาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ

แล้วก็อย่าลืม Call to Action ให้ชัดเจน ปุ่มสมัครสมาชิก ปุ่มสั่งซื้อ ปุ่มกรอกข้อมูล ปุ่มดาวน์โหลด ต้องดูเด่นชัด ออกแบบมาให้รู้ว่าเป็นปุ่ม เช็กความเรียบร้อยของหน้านั้น ไม่ควรจะมีลิงก์ตาย หรือลิงก์ที่ไม่ทำงาน

 

แล้วถ้าไม่มีงบ จะใช้หน้า Facebook หรือหน้า Home ของเว็บไซต์เป็น Landing Page จะได้ไหม? นี่คือคำถามยอดฮิตลำดับต้น ๆ แน่นอนคำตอบคือได้ ใช้ได้ และไม่ผิดอะไรด้วย แต่ขอกระซิบบอกไว้ก่อนว่าประสิทธิภาพจะไม่ดีเท่าการสร้าง Landing Page ขึ้นมาใหม่แน่นอน โดยเฉพาะ แคมเปญที่ต้องการทำให้เกิด Conversion

 

บอกเลยว่าคนเรานั้นขี้เกียจ ลองคิดถึงความเป็นจริงว่า ถ้าเราให้หน้า Landing Page ไปยังหน้าเพจของเราใน Facebook แล้วต่อไปจะทำไงต่อ เลื่อนไปดูโพสต์ไหน ต้องกดไลค์ไหม เรียกว่าการสื่อสารเท่ากับปัดตกไปได้เลย ส่วนหน้าโฮมของเว็บไซต์ก็เช่นกัน เมนูมีเยอะแยะยุบยับเต็มไปหมด สินค้าและบริการที่เราต้องการอยู่ตรงไหน ในเมื่อหาไม่เจอ ก็ปิดหน้าเว็บไป นั่นคือทำให้เราเสียโอกาส อุตส่าห์ทำแคมเปญออกมาแล้ว ก็ไม่ควรทำให้สูญเปล่า

แต่ถ้าเป็นแคมเปญแบบ Awareness แค่อยากให้คนรับรู้โดยทั่วไป วัดผลแบบไม่ได้เจาะลึกมากนัก การใช้หน้า Facebook หรือ หน้าโฮมของเว็บไซต์ ก็ถือว่าอนุโลมใช้ได้เช่นกัน

 

Landing Page เป็นเหมือนส่วนที่จะช่วยไกด์นำทาง ว่าจะทำให้เกิดแอคชั่นใด เมื่อคลิกมาจากโฆษณาแล้ว ถ้า Landing Page ดี ก็มีชัยในการทำ Digital Marketing ไปแล้ว

Cr.ธนาคาร เลิศสุดวิชัย x Digital Break Time